Page 99 - ThammaThuanKrasae
P. 99

ฌานและนิวรณ์
                    “ดูกรภิกษุทั้งหลาย  ยังอีกข้อหนึ่ง   ภิกษุมีอุเบกขา  มี

            สติสัมปชัญญะ เสวยสุขด้วยนามกาย  เพราะปีติสิ้นไป  บรรลุตติยฌานที่

            พระอริยเจ้าทั้งหลายสรรเสริญว่า   ผู้ที่ได้ฌานนี้เป็นผู้มีอุเบกขา  มีสติอยู่

            เป็นสุข  เธอท ากายนี้ให้ชุ่มชื้นเอิบอาบซาบซ่านด้วยสุขอันปราศจากปีติ

            ไม่มีเอกเทศไหนๆ แห่งกายของเธอทั่วทั้งตัว  ที่สุขปราศจากปีติจะไม่

            ถูกต้องเปรียบเหมือนในกออุบล  กอปทุมหรือกอปุณฑริกแต่ละชนิดใน

            กออุบล  กอปทุมหรือกอปุณฑริก ดอกบัวบางชนิดเกิดในน้ าเจริญในน้ า

            ยังไม่พ้นน้ า จมอยู่ในน้ า น้ าเลี้ยงไว้ อันน้ าเย็นหล่อเลี้ยงเอิบอาบซึมซาบ

            ไปแต่ยอดและเหง้า      ไม่มีเอกเทศไหนๆ แห่งกออุบล   กอปทุมหรือ

            กอปุณฑริกที่น้ าเย็นจะไม่ถูกต้องฉะนั้นฯ”



                    จากพระสูตรนี้มีสิ่งที่เพิ่มขึ้นมาซึ่งในปฐมฌานและทุติยฌานไม่มีก็

            คือ


                    ค าว่า มีอุเบกขา หมายถึงมี การก าหนดอุเบกขาของคาบลม

            เกี่ยวข้องอยู่ด้วย



                    ค าว่า มีสติ สัมปชัญญะ หมายถึง มีการระลึกกับความรู้สึกตัวอยู่

            กับอารมณ์ที่เสวยสุขด้วยนามกาย คือกายิกสุข ๑ และเจตสิกสุข ๑


                    ค าว่า เพราะปีติสิ้นไป คือคลื่นกระแสปีติจางหายไป ด้วยการ

            พิจารณาปีติ ด้วยลักขณูปณิชฌานแห่งความวางเฉยไม่ให้ดับไป







                                                                            ๗๕
   94   95   96   97   98   99   100   101   102   103   104