Page 86 - ThammaThuanKrasae
P. 86
ฌานและนิวรณ์
“ดูกรภารทวชะ เรานั้นมีความเห็นว่า ถ้ากระไร เราพึงเพ่งฌาน
อันไม่มีลมปราณเป็นอารมณ์เถิด แต่กายที่ปรารภความเพียรของเราอัน
เป็นความเพียรที่ทนได้ยากนั้นแล เสียดแทง จึงกระสับกระส่ายไม่สงบ”
จากการที่ได้เล่าถึง การท าทุกขกิริยาในสูตรโพธิราชกุมารสูตร
พระไตรปิฎกเล่ม ๑๓ หน้า ๓๘๖ ถึง ๓๘๗ ก็ได้ทรงกล่าวเช่นเดียวกัน
กับภารทวชะ ซึ่งแสดงให้เห็นว่าพระพุทธเจ้าได้ทรงใช้ฌานกสิณที่ทรงได้
ศึกษากับ “อาฬารดาบสกาลามโคตร” ได้ศึกษาปฏิบัติได้ถึง
“อากิญจัญญายตนะสมาบัติ ๗” จากนั้นก็ทรงศึกษากับ
“อุทกดาบสรามบุตร” ได้ศึกษาปฏิบัติได้ถึง “เนวสัญญานาสัญญายตน
สมาบัติ ๘”
พระพุทธเจ้าทรงคิดว่า ธรรมนี้ไม่เป็นไปเพื่อ นิพพาน (ความ
เบื่อหน่าย) วิราคะ (ความคลายก าหนัด) นิโรธะ (ความดับ) อุปสมายะ
(ความสงบ) อภิญญา (ความรู้ยิ่ง) สัมโพธายะ (ความตรัสรู้) และ
นิพพาน (ความดับทุกข์) ทรงไม่พอใจเบื่อหน่ายธรรมนั้น จึงลาจาก
พระอาจารย์ทั้งสองไป
จากพระสูตรในคืนวันตรัสรู้ พระพุทธเจ้าก็ไม่ได้ใช้ฌานสมาบัติ
จากพระฤาษีทั้งสอง มาใช้ท าฌาน ซึ่งเป็นเรื่องแปลกประหลาดมาก
เพราะถ้าใช้ฌานกสิณที่ได้ทรงศึกษา มาจาก อาฬารดาบสและ
อุทกดาบส ก็ไม่ต้องใช้ปฐมฌานที่ทรงได้จากพระบารมีเดิม เอา
๖๒