Page 107 - ThammaThuanKrasae
P. 107
ฌานและนิวรณ์
อย่างนี้ พระสารีบุตรก าหนดรู้ได้ตามล าดับครบถ้วน รู้แจ้งว่ามันเกิดขึ้น
ตั้งอยู่และดับไป ไม่ยินดี ไม่ยินร้าย มีใจสงบและรู้ชัดว่า ธรรม คือ สิ่งที่
ต้องสลัดออก ที่ยิ่งไปกว่าที่สลัดได้แล้วยังมีอยู่
๔.) พระสารีบุตรพ้นจากการหลงเพลินอยู่กับฌานที่ ๓ และฝึก
จิตเข้าสู่จตุตถฌาน (ฌาน ๔) ได้ ใจไม่มีทุกข์ไม่มีสุขเพราะละสุข ละทุกข์
และดับโสมนัส โทมนัสก่อนๆได้ มีสติบริสุทธิ์เพราะอุเบกขาธรรมในฌาน
ที่ ๔ นี้มี อุเบกขา, ทุกขมสุข เวทนา, ความไม่ติดใจ, สติบริสุทธิ์,
เอกัคคตา, ผัสสะ, เวทนา, สัญญา, เจตนา, วิญญาณ, ฉันทะ, อธิโมกข์,
วิริยะ, สติ, อุเบกขา, มนสิการ ธรรม ๑๖ อย่างนี้ แต่ละอย่างพระ
สารีบุตรก าหนดรู้ได้ตามล าดับครบถ้วนรู้แจ้งว่า ยังมีอยู่ประกอบกับปีติ
ปีตินั้นแปลว่า ความอิ่มใจปราโมทย์ คือ ความบันเทิงใจ ปีติและ
ปราโมทย์ จึงหมายถึง ความเบิกบาน ความบันเทิงใจ ความรื่นเริงแห่ง
จิต ความปลื้มใจ ปีติเป็นไฉน ปีติจะเกิดขึ้น เมื่อผู้ปฏิบัติได้ก าหนดธรรม
ประกอบกันอยู่ ๑๖ อย่าง
๑. เมื่อก าหนดรู้สึกว่า จิตมีอารมณ์เดียว และไม่ฟุ้งซ่าน
ด้วยความสามารถในการก าหนดลมหายใจ ออกยาว เข้ายาว ปีติ และ
ปราโมทย์ย่อมเกิดขึ้น ปีติในตอนนี้ หมายถึง ดรุณปีติ เป็นปีติอย่างอ่อนก็
คือปราโมทย์ที่เกิดจากเคล็ดวิธีในขั้นที่ ๔ นั่นเอง
๘๓