Page 119 - ThammaThuanKrasae
P. 119
กัมมัฏฐาน
การเพ่ง แลดูกสิณ พร้อมกับบริกรรมว่า ปฐวี ปฐวี นั้นไม่พึงลืม
ตาอยู่เป็นนิตย์ ลืมสักครู่แล้วพึงหลับตาลง หลับตาลงแล้วอย่าพึงลืม
กระท าอย่างนี้เรื่อยไป จนกว่าจะเกิดสมาธิเห็นดวงกสิณ เมื่อหลับตาลงก็
เป็น อุคคหนิมิต คือเป็นนิมิตติดตา จัดเป็นอุปจารสมาธิ และเมื่อผู้เจริญ
กสิณหลับตาลง เห็นนิมิตติดตาด้วยอ านาจพลังสมาธิ สามารถขยาย
ดวงกสิณที่เห็นติดตาขณะที่หลับตาอยู่นั้นขยายให้ใหญ่ให้เล็กได้ตามที่
ต้องการ เรียกว่า เป็น ปฏิภาคนิมิต ขณะนั้นจิตสงบเป็นสมาธิแน่วแน่
เป็นอารมณ์เดียวเป็นอัปปนาสมาธิ เข้าสู่ปฐมฌานฌานที่ ๑ ทุติยฌาน
ฌานที่ ๒ ที่ ๓ ที่ ๔ ที่ ๕ ตามล าดับที่เรียกว่าเอกัคคตารมณ์ เป็น
อัปปนาสมาธิ สมาธิแนบแน่นเข้าสู่องค์ฌานโดยล าดับคือ
ปฐมฌาน ฌานที่ ๑ มีองค์ ๕ คือ วิตก วิจารณ์ สุข ปีติ
เอกัคคตา
ทุติยฌาน ฌานที่ ๒ มีองค์ ๓ คือ ปีติ สุข เอกัคคตา
ตติยฌาน ฌานที่ ๓ มีองค์ ๒ คือ สุข เอกัคคตา
จตุตถฌาน ฌานที่ ๔ มีองค์ ๒ คือ สุข เอกัคคตา อุเบกขา
ถ้าจะจัดโดยปัญจมฌานจะได้ดังนี้
ปฐมฌานมีองค์ ๕ เหมือนกับฌาน ๔ ปฐมฌานในที่ ๑
ทุติยฌานมีองค์ ๔ หมายเหตุเว้นแต่วิตก
ตติยฌานมีองค์ ๓ คือ ปีติ สุข เอกัคคตา
จตุตถฌานมีองค์ ๒ คือ สุข เอกัคคตา
๙๕