
จิตของเราก็เช่นเดียวกัน มันสะสมอารมณ์เก่ามาตั้งแต่อยู่ในท้องของแม่ แม่ก็ถ่ายทอดอารมณ์ความรู้สึก อารมณ์ความรู้สึกของแม่นั้นแหละ ไม่รู้ว่าดีหรือไม่ดี ก็ถ่ายทอดไปโดยอัตโนมัติ ลูกก็ซึมซับรับเอาเต็มร้อย ไม่มีสกรีน เหมือนจิตของเราที่รับอารมณ์โลกๆที่ขาดตัวกรอง ขาดตัวกัน ขาดตัวสกรีน มันก็รับมาทั้งดุ้นทั้งหมด จึงทำให้เกิดจิตที่ติดในอารมณ์ ตั้งเหมือนกับคำว่า กามฉันทะนิวรณ์ ติดในกามคุณทั้ง ๕ ไม่ใช่เฉพาะกามคุณทั้ง ๕ ที่เรามองกันโดยธรรมชาติว่า เป็นการเสพกามระหว่างหญิงชายเท่านั้น แต่การเสพทางจิต การเสพทางจิตเป็นสิ่งที่ติดยึดเหนี่ยวรั้ง ทำให้จิตเราอ่อนแอ แพ้ทุกอย่าง แพ้ทุกอย่าง เมื่อจิตเราเสพติดแล้ว มันไปไหนไม่ได้ มันไปไม่รอด ฉะนั้นตัวนิวรณ์มันเป็นทั้งภาวะที่เป็นนามธรรม แต่มันไปยึดรูปธรรม ยึดถือไว้ พอยึดถือไว้มากเข้าๆมันก็ติด พอติดแล้ว มันก็ไม่รู้จะทำยังไง มันหาทางออกไม่ได้ มันก็วนอยู่ในนั้นแหละ เหมือนมนุษย์เราวนอยู่ในโลก พระพุทธเจ้าใช้ว่า วนอยู่ในวัฏสงสาร อยู่ในวัฏทุกข์ วนเวียนอยู่นั้น ไปไหนไม่ได้เพราะเราติดยึดแล้ว พอถูกติดยึด ทำยังไง พระพุทธเจ้าว่า จงมีสติรู้เท่าทัน ฉะนั้นการภาวนาจึงเป็นอุบาย ใครที่บอก ภาวนาอย่างนั้น อย่างนี้ไม่ถูกหนะ ไม่ใช่ การภาวนาให้จิตสงบ ให้จิตมันตั้งมั่นเป็นอุบาย พระพุทธเจ้าว่าเป็นอุบายให้เรามีสติ ให้เรามีปัญญา พอเรามีสติก็จะเห็นอาการที่มันเกิดขึ้นกับจิต เห็นความรู้สึกของจิตว่ามันชอบ เห็นความรู้สึกของจิตว่าไม่ชอบ เห็นความรู้สึกของจิตว่ามันเหนื่อยหน่าย นั้นคือ ตัวสติไปเห็น พอเห็นแล้ว มันก็จะเกิดปัญญา พอเกิดปัญญ ตัวนิวรณ์ก็จะถอยออกไป มันจะตัดกระแสตัวนั้นออกไป ความที่ยึดเหนี่ยวไว้ มันจะถูกตัด ถูกตัดทอนออกไป พอเห็นว่ากามคุณนี้เป็นตัวเหนี่ยวรั้งให้ปัญญามันไม่เกิด ให้จิตมันมืดหรือเศร้าหมอง เราโกรธเพราะอะไร โกรธเพราะรักหรือโกรธเพราะหลง เกลียดเพราะอะไร เกลียดเพราะรักหรือเกลียดเพราะหลง พอมันเกลียดหรือรัก หลงก็ตาม มันจะมีตัวตามมาคือตัวยึดคือตัวนิวรณ์ มันกั้นไว้ โอวาทธรรม พระครูปทุมภาวนาจารย์ วิ. (หลวงพ่อวีระนนท์ วีรนนฺโท) จากธรรมบรรยายโครงการพัฒนาจิตเพื่อพ่อ ครั้งที่ ๑๐๑ เมื่อวันที่ ๓ มิถุนายน ๒๕๖๑ สนใจดูเพิ่มเติมได้ที่http://www.watpacharoenrat.org/youtube.php ที่มาของภาพ กิจกรรมสวดมนต์ทุกวันอาทิตย์วัดป่าเจริญราช