ปัญหาธรรม/การปฎิบัติธรรม#3

หลวงพ่อถามตอบปัญหาธรรม
เรียบเรียงโดย สิริสวัสดิ์ (วารสารกระแสใจ)
คำถามในคอลัมน์นี้เป็นคำถามของผู้ปฏิบัติธรรม ที่ได้เข้ารับการอบรมกรรมฐานที่ยุวพุทธิกสมาคม ศูนย์ ๒ จังหวัดปทุมธานี โดยมี หลวงพ่อวีระนนท์ วีรนนฺโท เป็นพระวิปัสสนาจารย์ และเมตตาตอบปัญหาคลายความสงสัยความกังวลของผู้ปฏิบัติธรรม ระหว่างการเข้าฝึกฝนกรรมฐาน คำถามคำตอบนี้นับเป็นความรู้ที่เป็นประโยชน์ต่อบุคคลทั่วไปที่สนใจ ใฝ่ใจ ในการปฏิบัติธรรม และมุ่งหวังประโยชน์สูงสุดในการขัดเกลาตนเองให้เป็นผู้มีปัญญา ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบตรงตามคำสอนขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
-
ถาม-ลมหายใจเข้าลมหายใจออกสั้น การกำหนดพองหนอยุบหนอไม่ทัน เพียงแต่รู้ว่าพองหรือยุบเท่านั้น หากจะให้ยาวต้องฝืน
การที่เราจะเห็นท้องพองท้องยุบจะสั้นหรือจะยาวไม่ใช่สิ่งสำคัญ ให้เราดูไปก่อนว่ามันจะยาวจะสั้นยังไงก็ช่าง มันเห็นสั้นก็ดูสั้น ๆ นั่นแหล่ะ ไม่ต้องไปดึงฝืนให้มันยาว เขาจะจัดระบบเอง เราอย่าไปจัดระบบเองไม่ได้ เหมือนเราขับรถน้ำมันจะหมดไม่หมดไม่ได้อยู่ที่เรา มันอยู่ที่เครื่องยนต์มันกินมากกินน้อย เราจะห้ามว่าฉันจะขับไปสิบวันห้ามกินน้ำมันห้ามหมดนะ ไม่ได้ หน้าที่ของเครื่องยนต์ต้องเผาผลาญน้ำมันให้หมดไป หน้าที่ของพองยุบจะสั้นจะยาวเป็นหน้าที่ของเขา แต่หน้าที่ของเราดูให้รู้ว่าสั้นหรือยาวเท่านั้นเอง ไม่ต้องห่วงพะวงวิตกเขาจะเป็นของเขาเอง เขาจะจัดขบวนการเอง ให้เป็นไปตามธรรมชาติ ไม่ต้องไปตามให้มันยาว หรือฝืนเขาจะเป็นไปเองโดยอัตโนมัติ อัตโนมัติ นี้มาจากคำภาษาบาลีว่า อัตโน แปลว่า โดยตนเอง เหมือนกันกับโพธิสัตว์ที่ลอยคออยู่กลางมหาสมุทร ถ้าไม่ลอยก็ไม่ได้มันต้องพึ่งตนเองโดยอัตโนมัติโดยธรรมชาติ ต้องดิ้นรนเอาตัวรอดทุก ๆ ชีวิตเป็นธรรมชาติ เพราะฉะนั้นไม่ต้องห่วงมันจะสั้นจะยาวดูแค่นั้นดูไปเรื่อย ๆ -
ถาม-เวลานั่งสมาธิ หรือทำสมาธิแล้วชา ๆ หรือเหน็บขึ้น มีวิธีแก้อย่างไร
ไม่ต้องแก้ปล่อยให้มันเหน็บไปเลย มันเป็นเรื่องธรรมดามันจะเหน็บมันจะชา เราดูว่ามันเริ่มมากินมาทีละนิด ๆ เข้าเต็มตัว พอเข้าเต็มตัวแล้วมันจะไม่รู้สึกว่าชาแต่รู้สึกว่าตัวแข็ง พอรู้สึกตัวว่าตัวแข็งอาการปวดมันจะน้อยลงบางทีสมาธิจะมากขึ้น ตรงนี้ผลที่จะได้จากการชา ถ้ามันปวดมาก่อนมันไม่ชามันจะทรมานเวทนาเกิดขึ้น พอมันชาแล้วเรามีสมาธิคอยดู สติดี ๆ สุดท้ายมันจะไม่รู้สึกว่าชา มันจะรู้สึกว่าเบา สมาธิเรากำลังจะได้ ไม่ต้องกลัวชากลัวจะเป็นโรคเหน็บชาอัมพฤกษ์อัมพาตไหม ไม่เป็น เมื่อเราทำสมาธิเสร็จแล้วขยับไปขยับมาออกแล้วมันก็หาย สักพักนึงก็ปกติ ไม่ต้องแก้นะเพียงแต่ปล่อยดู ๆ ๆ ๆ เท่านั้นเอง -
ถาม-ทำไมจึงมีบทสวดมนต์เยอะไปหมด ทุกครั้งก่อนทำอะไรจะต้องมีบทสวดเสมอ
บทสวดอะไรยังไม่ได้ให้สวดเลย อย่างไรกันแน่ไปขโมยสวดคนเดียวหรือเปล่า ไม่ต้องไปสวดที่ไม่มีการสวดนะโยม อาตมาต้องการให้ทุกคนทำของตัวเองให้ได้มากที่สุด ใครขยันปฏิบัติ ขยันกำหนด ขยันเดิน ขยันนั่ง ขยันภาวนา ก็กอบโกยเอาของตนเองให้ได้มากนั้นแหละ ผลพลอยได้ เขาเรียกว่า มาทำบุญมาเอาบุญเหมือนกันแต่ไม่ได้เหมือนกัน คนโบราณท่านว่า คนเดินทางเดียวกันแต่ไม่เหยียบรอยกัน กินน้ำบ่อเดียวกันแต่อร่อยไม่เหมือนกัน ยุวพุทธสถานที่นี้เหมือนกับบ่อน้ำใหญ่ ทุกคนต่างก็จะมากิน มาตักตวงกินเข้าไป ใครจะได้รสชาติอะไรอยู่ที่ตัวเราเองเป็นคนที่จะรู้รสชาตินั้นให้แท้จริง มีบ่อน้ำหนึ่งอยู่บนภูพาน ตรงกลางภูพานนั้นเขาเรียกว่า ภูอธิษฐาน คือภูเขา ตรงนั้นพอถึงห้าโมงเย็นทุกเย็นจะมีช้าง เสือ สัตว์ป่ามากินน้ำอาบน้ำที่นั่น สัตว์บางตัวนอนเกลือกกลิ้งเอาขี้โคลน บางตัวก็เดินมากินน้ำอยู่ริมตลิ่ง บางตัวไปกินน้ำกลางบ่อ บางตัวก็เดินแหย่ ๆ รอบ ๆ บ่อน้ำเฉย ๆ หากตั้งคำถามว่าระหว่างช้างตัวที่หนึ่งเดินอยู่ริมบ่อ เอางวงแหย่ดูดน้ำขึ้นมากิน ตัวที่สองลงไปกินน้ำเลยตลิ่งไปนิดหน่อย ตัวที่สามสี่ลงไปกินกลางบ่อน้ำ ตัวที่ห้าดำลงไปในน้ำ ถามว่า ห้าตัวนี้ได้รับรสชาติเหมือนกันไหม คำตอบ คือ ไม่เหมือนกัน เพราะอะไรจึงไม่เหมือนกัน ไม่เหมือนตั้งแต่ความคิดแรกก็ไม่เหมือนกันแล้ว ในพุทธทำนายมีว่ามีบ่อน้ำใหญ่มีสัตว์ทั้งหลายต่างรุมกินกันตรงกลางจนหมด แต่ตรงริมขอบตลิ่งกลับใสแจ๋วตรงกลางนั้นขุ่นไปหมด เพราะอะไรเพราะคนทั้งหลายต่างจะยื้อแย่งไปสู่จุด ๆ เดียวกัน แต่ลืมไปว่าตรงที่เราเดินผ่านไปนี้ไม่มีใครใส่ใจน้ำนั้นจึงไม่ขุ่น เพราะอะไรจึงเป็นเช่นนั้น ฝากไว้ก่อน อย่าไปคิดนะฝากไว้เฉย ๆ ไม่ให้ไปคิด ตรงนี้แหละเรามาปฏิบัติธรรม เอ...คนอื่นทำไมเดินได้นิ่ง นั่งได้ดีตรง ดูแล้วเขานั่งได้ดี เราทำไมมันเดินไปก็ปวดไป นั่งไปก็ปวดคิดนู่นคิดนี่ เราก็มีขามีร่างกายสามสิบสองเหมือนกัน ทำไมเราทำไม่ได้ มองเข้าไปด้านในซะมันขุ่นก็ขุ่นอยู่ที่ใจ มันใสก็ใสอยู่ที่ใจ เมื่อมันใสอยู่ข้างนอกมันก็ต้องใสข้างใน ใสข้างในแล้วก็ต้องใสข้างนอก เชื่อมโยงต่อกัน คนใจดีกับคนดีใจมันต่างกัน คนดีใจเมื่อได้ของถูกใจ แต่คนใจดีเขาจะดีตลอดเป็นธรรมชาติ แต่คนดีใจมันไม่ใช่ธรรมชาติไม่ใช่ปรกติพอเขาด่าหน้างอไปเลย มีแม่ชีคนหนึ่ง อันนี้จำครูบาอาจารย์มาเล่า ปฏิบัติธรรมมายี่สิบกว่าปีไปกราบหลวงพ่อ บอกหลวงพ่อว่าโยมปฏิบัติธรรมมันไม่มีโกรธไม่มีเกลียดเลย มันบรรลุธรรมแล้วนะเนี่ย หลวงพ่อบอกว่าเอออีตอแหล เท่านั้นแหละ แม่ชีโกรธใหญ่วิ่งกลับกุฏิไปเลย อะไรมันออกมา กิเลสนั่นนะโดนสอบอารมณ์ ไม่รู้ตัวสติหายไป พอเจอคำว่า อีตอแหล เท่านั้นแหละไปเลย โยมระวังให้ดี มันเป็นหญ้าปากคอปริ่มตลิ่งเท่านั้นเอง อยู่แค่ริมตลิ่งยังไม่ได้ เราต้องเข้าใจริมตลิ่งเสียก่อน -
ถาม-ลูกโยคีที่มาปฏิบัติใหม่จะถือโอกาสเวลาว่างอ่านบทสวดมนต์คาถาชินบัญชรได้ไหม
โยมอย่าทำนะ จริง ๆ เวลาปฏิบัติเขาจะไม่ให้อ่านหนังสือเลย เพราะอ่านหนังสือแล้วเราจะมาคิด อารมณ์ฉันเป็นอย่างนั้นอย่างนี้มันออกนอกมันรั่ว เหมือนตักน้ำใส่ตุ่มตักอย่างไรก็ไม่เต็มเพราะมันรั่วออกหมด เมื่อเรามีเวลาปฏิบัติเราก็รีบปฏิบัติเสียตักตวงเรื่องปฏิบัติให้เต็มที่ เวลาสวดกลับไปที่บ้าน สวดให้มันสนั่นบ้านไปเลย เวลาเขาปฏิบัติก็ปฏิบัติเสียพยายามทำให้อยู่ในกรอบ ถ้าทำอย่างนั้นสมาธิเราจะไม่ได้ พอสมาธิไม่ได้มันก็ทำหงุดหงิดนั่งก็นั่งไม่ได้ กำหนดก็กำหนดไม่ถูก ไม่รู้อะไรเป็นอะไรมันสับสนอลหม่านไปหมด เพราะเราไม่รักษาอารมณ์ เมื่อไม่รักษาอารมณ์มันก็ไปหมด สติปัฏฐานสี่มันก็เลยไม่รู้สี่ตรงไหน มันไปหมดฐานมันเละหมด พยายามวางไปตามระบบระเบียบก่อน เมื่อเราจะสวดสมัยก่อนครั้งพุทธกาลไม่มีการสวดมนต์สาธยาย มีการสวดมนต์สาธยายในช่วงหลัง ๆ ที่ลังกา เพราะในยุคนั้นคริสต์ศาสนาเข้ามามีพลังอำนาจมาก ในการมาสวดให้เป็นการปลอบคนป่วย เพราะมิชชันนารีเข้ามารักษา คราวนี้ทางฝ่ายพุทธมีอะไรบ้างที่จะปลอบคนที่มีทุกข์อยู่ พระพุทธเจ้าเรียกว่า ใช้สัมโมทนียกถา ไปที่ไหนท่านจะใช้คำว่าสัมโมทนียกถา คือ การกล่าวให้เกิดการรื่นเริงบันเทิงในธรรม เมื่อเขาให้ทานไม่มีการสวด เรามาสวดยุคหลังยุคลังกา ฉะนั้นมันดีไหม ดี แต่อย่าเพิ่งสวดให้ปฏิบัติก่อนนะโยมนะ ให้เราปิดวาจาแล้วพูดได้เฉพาะเวลาสอบอารมณ์หรือกับอาจารย์เท่านั้น