โรงอุโบสถสถาปัตยกรรมแบบไทยโบราณ

1.ที่มาของการสร้างโรงอุโบสถวัดป่าเจริญราช

หลวงพ่อเล่าว่า "เกิดจากแนวคิดและจิตศรัทธาของญาติโยมที่มาปฏิบัติธรรม สอบถามว่าจะมีอุโบสถไหม?  อาตมาก็ไม่ได้พูดอะไร นี้คือสาเหตุที่จะสร้างอุโบสถ ที่เรียกว่า “โรงอุโบสถ” ญาติโยม สาธุชนทั้งหลายส่วนมากในปัจจุบัน มักจะไม่ได้ยินคำว่า "โรงอุโบสถ" แต่โยมจะได้ยินคำว่า "พระอุโบสถ" หรือ "อุโบสถ" แต่คราวนี้ที่วัดป่าเจริญราช ใช้คำว่า “โรงอุโบสถ” คำว่า "โรงอุโบสถ" นี้ เป็นคำเดิมๆ เก่าๆ ที่ใช้กันมาตั้งแต่ครั้งโบราณจารย์

2.สาเหตุ

โรงอุโบสถนี้สาเหตุที่เกิดขึ้น พูดไปแล้วเหมือนว่ามีผู้มาแนะนำให้สร้างโรงอุโบสถ ซึ่งอาตมาภาพไม่เคยคิดจะสร้างโรงอุโบสถใหญ่ๆ ที่สร้างด้วยไม้ทั้งหลัง แต่ก็มีภาวะที่มีบุคคลผู้สำคัญ หากจะกล่าวไปแล้วถือว่า เราท่านทั้งหลายจะรู้จักกันทั่วประเทศ แต่บุคคลนั้นท่านก็จากไปแล้ว คือท่านได้ตายจากไป แต่ท่านเป็นผู้มีคุณูปการ สร้างชาติ สร้างแผ่นดินให้แก่ลูกหลานทั้งหลาย ได้อยู่กันจนทุกวันนี้ ท่านได้มาชี้บอกอาตมา ไม่ว่าจะเป็นเวลานั่งภาวนาหรือเวลานอนภาวนาก็ตาม ก็จะปรากฏเป็นรูปภาพ ขึ้นมาให้เห็นเป็นรูปลักษณ์ของโรงอุโบสถ แล้วก็บอกว่าให้สร้างโรงอุโบสถแบบนี้ เป็นระยะเวลาตั้งเดือนกว่า อาตมาก็ไม่ได้ใส่ใจเพราะอาตมาไม่ได้คิดว่าจะทำ เพราะไม่รู้จักญาติโยมและก็ไม่รู้ว่าจะไปหาไม้ที่ไหน แล้วก็ไม่มีปัจจัยที่จะมาสร้างจึงไม่คิด  หนักเข้าๆ อาตมาจะนั่งที่ไหน ไปปฏิบัติธรรมที่ใดก็ตาม ไม่ว่าอิริยาบถใดก็ปรากฏขึ้นมาในดวงจิต ติดตาอยู่ตลอดทุกวัน อาตมาก็เลยรับปากว่าจะสร้างให้ก็เลยได้จัดการสร้าง

ต่อมาปรากฏว่า ได้เจอโยมท่านหนึ่งชื่อ อาจารย์ประถม พัวพันธ์สกุล อยู่ที่ จ.เชียงใหม่ อาตมาได้เล่าบอกรูปลักษณะของโรงอุบถนี้ให้ฟัง ท่านได้มาสเก็ตรูปภาพวางผังวางแบบสถาปัตยกรรมออกมา เขียนไปตามที่ได้บอก ท่านก็เขียนออกมาได้ถูกต้อง แล้วก็มีการเขียนออกมาอย่างถูกต้องตามแบบสถาปนิก ก็เลยได้จ้างช่างจากบริษัทของโยมรุ่ง บริษัทนี้มีฝีมือในการสร้างและก็มีผลงานคือการสร้างหอคำหลวงที่พืชสวนโลก จ.เชียงใหม่

3.จัดหาไม้

มีคนนำไม้สักมาเสนออาตมา บอกว่า ไม้ ๑๖ ต้น ต้นละ ๑ ล้าน รวมเป็น ๑๖ ล้าน อาตมาก็บอกไปว่า อาตมามีไม่ถึงล้าน แล้วจะเอาเงินล้านมาจากที่ไหน โยมบอกว่าไม่เป็นไรเอามาก่อน อาตมาเป็นคนไม่ชอบติดหนี้ใคร และไม่ชอบติดหนี้โยมด้วย โดยปกตินิสัยจะไม่ชอบเป็นหนี้ใคร ก็เลยบอกว่าไม่ได้นะโยม อาตมาคิดว่าจะหาไม้ที่มีราคาถูก ก็หาไม้ตะเคียนทองและตะเคียนเงิน ให้โยมไปช่วยหาในช่วงนั้น ปรากฏว่า ๑ เดือน ก็ไม่มีข่าวว่าจะได้ไม้ อาตมาเลยตัดสินใจเดินทางเข้าประเทศลาวซึ่งเป็นสถานที่ที่อาตมาเคยเดินธุดงค์ อยู่ในเขตละแวกนั้น คือ เขื่อนน้ำงึม เพราะเคยปรากฏว่ามีต้นตะเคียนอยู่ตรงนั้นเยอะ พอไปถึงปรากฏว่า เขื่อนน้ำงึม เขาทำเป็นเขื่อนเรียบร้อยแล้ว โยมก็พาไปที่พัก เรียกว่า “ รีสอร์ทในป่า” ซึ่งรีสอร์ทนี้ไม่มีใครพักเลย นอกจากอาตมารูปเดียวเป็นระยะเวลา ๑๐ ปี ไม่มีใครเข้าไป อาตมาก็เข้าไปพักอยู่ตรงนั้น

พอได้เวลา ๓ โมงเช้า โยมก็เข้ามาหา มาถามว่าอาจารย์เจอไม้ตะเคียนหรือยัง? อาตมาบอกว่า ยังไม่ได้ไปดูเลยอยู่ในเขื่อน ก็เลยลงไปดูในน้ำ ปรากฏว่า ไม้ตะเคียนก็โผล่ขึ้นมา ๔-๕ ต้น ให้เห็น ก็รู้สึกว่าจะไม่ได้ผล อาตมาจึงกลับออกจากที่พัก เพื่อจะกลับประเทศไทยเพราะว่าไม่มีโอกาสจะได้ไม้ คิดเช่นนั้น ถ้ามีโอกาสก็จะกลับมาใหม่ ถ้าคราวนี้ไม่ได้ แต่ในจิตคิดว่าคราวนี้ต้องเจอไม้

ต่อมามีโยมมาถามอีก อาตมาจึงบอกว่าจะหาไม้ไปสร้างโรงอุโบสถ ไม้ที่มีความใหญ่ มีอายุไม้ที่อยากได้ ๑๐๐ ปีขึ้น ความใหญ่ เส้นผ่าศูนย์กลางอย่างน้อย ๗๐ เซนติเมตร หรือถ้าจะให้ดีที่สุดก็ ๑-๒ เมตร ในแต่ละต้นยิ่งถูกใจ เพราะจะสร้างโรงอุโบสถนี้ไว้เป็น “พันปี” โยมบอกว่า ผมมีไม้อยู่ หลวงพ่อจะไปดูไหม? ไปดู แล้วไม้อยู่ที่ไหน เขาบอกว่า อยู่ที่วังเวียง จากเขตน้ำงึมไปวังเวียงหรือเวียงจันทร์ ระยะทางใกล้ไกลอาตมาก็ประมาณไม่ได้ แต่ถ้าเดินธุดงค์อาตมาก็ ๒-๓ วัน อาตมาก็ได้ขึ้นรถไปกับโยมที่ไม่รู้จักกัน โยมผู้ชายก็มี ๔-๕ คน มีเครื่องมือเครื่องไม้ครบครัน อาตมาก็มีเครื่องมือเหมือนกัน คือมี “ย่าม” ประจำตัวกับช้อนส้อม นั้นคืออาวุธของพระ

เดินทางจากเวลาหลังฉันเพล ไปจนถึงกองไม้ ในเวลา ๓ ทุ่ม ๑๕ นาที ก็เห็นไม้กองอยู่ เป็นไม้ใหญ่ๆ รู้สึกชอบใจ อาตมาอยากจะได้ไม้นี้ อาตมาบิณฑบาตขอโยมเอาไม้นี้ไปสร้างโรงอุโบสถได้ไหม ราคาเท่าไหร่ค่อยคุยกัน โยมก็บอกว่าให้ไม่ได้หรอก ไม้กองนี้ชุดนี้ ผมจะส่งไปประเทศญี่ปุ่นเพราะว่าพวกผมได้รับเงินเขามาแล้ว ๕๐ ล้าน ไม้ทั้งหมด ๓๗๐ คิว เป็นท่อนซุงทั้งท่อน ยาว ๑๑ เมตร ไม่มีต่อ นี้ญาติโยมสาธุชน เมื่อเขาบอกว่าไม่ให้ อาตมาก็เลยคุยกับผู้ที่เฝ้าไม้ว่า โยมไปช่วยอาตมาสร้างอุโบสถ ไปนั่งวิปัสสนากรรมฐาน ให้ยกจิตยกภูมิให้สูงขึ้นนะ จะได้บุญกุศลมาก แล้วอาตมาก็กลับออกมากับเจ้าของไม้ มาสว่างที่บ้านเขาพอดี แล้วเขาก็นำอาตมาส่งข้ามฟาก กลับมาฉันเพลพอดีที่ฝั่งไทย

กลับมาอยู่เมืองไทยได้สัก ๔ วัน เขาก็โทรศัพท์ตามมา ซึ่งในตอนนั้นโยมได้ให้โทรศัพท์มาเพื่อใช้ในช่วงติดต่อ เขาถามว่า หลวงพ่อจะเอาไม้ไหม? อาตมาก็บอกว่าเอา แต่อาตมายังไม่มีปัจจัยให้นะ โยมจะให้อาตมาเป็นไม้ชุดไหนล่ะ เขาบอกว่า ให้ชุดไม้ที่หลวงพ่อเคยเห็นนั้นแหละ อ้าวไหนโยมจะส่งญี่ปุ่น โยมก็บอกว่า ญี่ปุ่นเขาประกาศงดการส่งไม้เข้าประเทศญี่ปุ่นชั่วคราว แต่ไม่รู้ชั่วคราวกี่วัน พวกผมก็ต้องหาวิธีออกไม้มาโดยส่งออกไปที่อื่น

อาตมาก็เลยได้ไม้ชุดนี้มา ภาษาลาวเรียกว่า ไม้เป็ด ภาษาญี่ปุ่นทางวิจัยเรียกว่า ไม้เหล็ก ภาษาไทยในบรรณานุกรมของป่าไม้ไทย บอกไม่มีชื่อแต่รวมเรียกกัน อยู่ในตระกูลเดียวกันกับไม้พิกุลป่า จนเดี๋ยวนี้อาตมาก็ไม่รู้ ไม้นี้ชื่ออะไรในประเทศไทย

นี้แหละญาติโยมสาธุชนทั้งหลาย สาเหตุของการสร้างโรงอุโบสถที่เป็นทรงแบบไทยโบราณ แต่ไม่ใช่ไทยล้านนา อันนี้เป็นทรงสมัยพ่อขุนรามคำแหง สร้างท้องพระโรงให้ลูกหลานทั้งหลาย บอกว่าเมื่อผู้ใดมีทุกข์ มาตีระฆังตีกลองร้องทุกข์ได้ในยุคนั้น อาตมาก็เกิดไม่ทันหรอก แต่ปรากฏเห็นภาพอย่างนี้ขึ้นมา ก็เลยให้โยม ให้อาจารย์สเก็ตภาพออกมา เลยออกมาตามแบบลักษณะที่เห็นๆ ในยุคนี้เรียกว่าเป็นการสร้างโรงอุโบสถแบบล้านนา แต่ล้านนาก็ลักลอกเลียนแบบสุโขทัย หรือสุโขทัยลักลอบเลียนแบบล้านนาก็ว่าไม่ได้ เพราะศิลปะวัฒนะธรรมมันสอดคล้องซึมซับไปถึงซึ่งกันและกัน

4.อุปสรรคในการสร้างโรงอุโบสถ

มีตั้งแต่เริ่มต้น อาตมาเขียนแบบตามที่ตนเองพอเขียนได้ ยกพื้นฐานโรงอุโบสถสูงจากดินขึ้นมา ๑ เมตร ฐานของโรงอุโบสถก็เขียนให้ช่าง ช่างก็เอาไปคุยกันเรียบร้อยตกลงเข้าใจ แล้วจะทำเอวขันธ์ ในระยะ ๒ เมตร แต่ให้ยกพื้นขึ้นมา 1 เมตร จากพื้นดินเดิม ช่างรับไปพร้อมกับกระดาษที่อาตมาเขียนไปเรียบร้อย แบบพื้นฐาน พอออกมาก็ไปคนละอย่าง นั้นก็คือ ถือว่าเป็นอุปสรรคเหมือนกัน แล้วก็ได้ช่างมา บางทีก็มาดูไม้ ช่างก็บอกว่าไม้พอไม้เกินด้วย พอมาทำไปทำมา ก็มาบอกว่าไม้ไม่พอ นี้คือ อุปสรรค แต่ก็ยังโชคดีที่มีญาติโยมมาช่วยในเรื่องของปัจจัยเงินทอง ไม่ขาด

มีการทอดผ้าป่าสามัคคี ทอดกฐินสามัคคีเรื่อยๆ ก็ถือว่าเป็นประโยชน์ นี้คือสิ่งที่ดำเนินการก่อสร้างโรงอุโบสถและสร้างวัดมาด้วย ไม่ได้สร้างเฉพาะโรงอุโบสถเพียงอย่างเดียว ต้องสร้างเสนาสนะ ซื้อที่ดิน ขยายที่ดิน ไปในตัวด้วย ต้องใช้ปัจจัยเงินทอง มากมายพอสมควรโยม แต่ก็มีญาติโยมช่วยเป็นกลุ่มๆ ฉะนั้นญาติโยมสาธุชนทั้งหลาย ที่ได้ฟังได้ดูอยู่ขณะนี้ ไม่ใช่ว่าพอนะโยม โรงอุโบสถขณะนี้กำลังมุงหลังคาอยู่ กำลังฉาบพื้นฐานล่างแต่ก็ยังต้องใช้ปัจจัยอีกจำนวนมากพอสมควร โรงอุโบสถนี้จึงจะจบสิ้นไปด้วยดี นี้คือที่มาและอุปสรรคของการสร้างโรงอุโบสถ

หากญาติโยมสาธุชนทั้งหลายผู้มีจิตศรัทธา ต้องมีความอดทนและมีปัญญาเข้ามาประกอบ จึงจะสามารถยืนหยัดต่อสู้สร้างวัดได้ เพราะคำว่า “วัด” แปลว่า วัดทุกสิ่งทุกอย่าง วัดข้างนอก วัดข้างใน วัดข้างนอก คือ วัดกาย วาจา วัดตัวคน วัดข้างใน คือ วัดความอดทน วัดความมุ่งมั่น ด้วยศรัทธาที่จะแกร่งมั่นขนาดไหน ญาติโยมบางคนมาบางคนก็ถอย บางคนมาก็เป็นธรรมดาเข้าใจ ถามว่าวัดมีปัญหาไหม? วัดไม่มีปัญหา วัดมันอยู่ดีๆ สถานที่อยู่ดีๆ แต่คนมา ใจมีปัญหาก็เลยเกิดปัญหาขึ้น นี้แหละปัญหาใจ ไม่ใช่ปัญหาอื่น อาตมาจึงพยายามจะแก้ปัญหาใจด้วยการให้โยมมาทำสมาธิ ภาวนา

5.โรงอุโบสถนี้เมื่อสร้างเสร็จแล้วจะทำอะไร

เมื่อสร้างเสร็จแล้ว จะนิมนต์ครูบาอาจารย์ต่างๆ ตามป่า ตามถ้ำ ตามต่างจังหวัด มาประกาศธรรม มาเทศน์ มาสอนธรรมภาคปฏิบัติที่โรงอุโบสถ และญาติโยมก็มาฟังมาปฏิบัติธรรมที่โรงอุโบสถกันได้ทุกเมื่อ เพราะโรงอุโบสถจะเปิดตลอด ๒๔ ชั่วโมง แต่ก็ต้องดูว่าถ้ามียุงก็จะต้องป้องกันยุง ให้ญาติโยมได้นั่งได้ทั้งคืน พระนั่งได้ทั้งคืน นี้คือ สาเหตุของการสร้างโรงอุโบสถหลังนี้ขึ้นมา โรงอุโบสถหลังนี้ กว้าง ๒๕ เมตร ยาว ๔๐ เมตร

ญาติโยมผู้มาประพฤติธรรมใหม่กับผู้ประพฤติธรรมเก่า คนใหม่ก็อยู่ที่ศาลา คนเก่าก็ไปที่โรงอุโบสถที่ไม่ต้องอาศัยพี่เลี้ยง ประพฤติปฏิบัติในรูปแบบเป็นแล้ว ก็จะใช้โรงอุโบสถเป็นส่วนหนึ่ง นี้คือที่วัตถุประสงค์ของสร้างโรงอุโบสถ และปัจจัยที่ได้มานั้น ก็ได้มาจากญาติโยมสาธุชนทั้งหลาย ที่ได้ช่วยโอนมาบ้าง ที่ได้มาทอดผ้าป่าสามัคคี ทอดกฐินสามัคคี มาหยอดตู้ มาทำสังฆทาน อาตมาก็รวบรวม ทุกอย่างเอามาสร้างวัด สร้างโรงอุโบสถ ค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าอาหารจิปาถะ ก็เอามารวมกันใช้

ฉะนั้นโยมมาที่วัดนี้ จะเห็นว่าสถานที่มันรกตาไปบ้าง มันยังไม่สำเร็จ ยังไม่เสร็จสิ้น ก็เหมือนกันกับโยมนั้นแหละ แต่งหน้ายังไม่เสร็จก็ดูไม่ค่อยจะสวย เมื่อแต่งหน้าเสร็จเมื่อไหร่โยมก็มาดู มาชื่นชม ปัจจัยเงินทองที่โยมให้มากลายเป็นวัดของโยมไปเลย ที่นี่ก็คือวัดของโยมนั้นแหละ ไม่ใช่วัดของพระ หรือของอาตมา แต่เป็นวัดของโยม เป็นวัดของแผ่นดิน เป็นสมบัติของชาติ ของศาสนา ของแผ่นดินเราทั้งหมด ฉะนั้นญาติโยมสาธุชนทั้งหลาย เมื่อโยมมาวัดแล้ว ก็เข้ามาให้ถึงวัด ไม่ต้องไปรู้จักใครหรอก โยมจะมาปฏิบัติ ก็มาบอกเจ้าหน้าที่ ลงทะเบียน ปฏิบัติได้เลย ไม่ต้องรู้จักใครตั้งใจปฏิบัติ

เมื่อโยมได้บุญกุศลได้บรรลุธรรม คนที่ร่วมกันสร้างก็ได้อานิสงส์มากขึ้น โยมมาปฏิบัติมากอานิสงส์ก็มาก โยมมาจากทั่วทุกทิศด้วยจิตใจที่เต็มเปี่ยมศรัทธา ก็ได้อานิสงส์แผ่กันไปได้เยอะๆ ขึ้น นี้คือการสร้างวัด สร้างโรงอุโบสถ และปัจจัยที่ได้มาถามว่าจะแล้วเสร็จระยะกี่ปี? อาตมาคิดว่าในระยะอีก ๒ ปี นับตั้งแต่ปีนี้ ปีหน้าก็คงจะเสร็จสิ้นในการตกแต่งภายในเล็กๆ น้อย นี้คือการสร้างโรงอุโบสถ ถ้าเราไม่สร้างอาคารสถานที่ เราก็ไม่มีความพร้อม แล้วเราจะไปสอนคนอื่นว่า ให้สร้างสภาวะให้เกิดคุณงามความดี นั้นมันยาก มันก็ต้องมีอาคารสถานที่ไว้อำนวยความสะดวก ในการจัดกิจกรรม ช่วงระยะฝนตก ช่วงอากาศร้อน หรือบางครั้งก็ใช้เครื่องอุปกรณ์ไฟฟ้าอิเลคทรอนิคส์ เท่าที่มี เพื่อให้เกิดประโยชน์ในการศึกษาพระธรรมของพระศาสนา ศึกษาหลักปฏิบัติ อันเป็นแนวทางทำให้จิตใจสงบ ทำให้เกิดความสุข เกิดสันติสุขในชาติ ในแผ่นดิน นั้นคือหลักของพระพุทธศาสนา งานเผยแผ่ศาสนา งานปฏิบัติศาสนากิจ งานศึกษาศาสนา จะมีต่อไปเรื่อยๆ จนกว่าทุกอย่างจะจบ หรือโลกนี้จะแตกสลายไป หรืออาตมาตายไปก็ทำพินัยกรรมไว้

วัดนี้เป็นวัดปฏิบัติและวัดประกาศธรรมของพระพุทธเจ้า ในแบบสติปัฏฐาน ๔ หรือสติปัฏฐานสูตร ในแบบเถรวาทเท่านั้น อันเป็นหลักหัวใจในสถานที่วัดป่าเจริญราชแห่งนี้ และญาติโยมสาธุชนทั้งหลาย ถ้าท่านผู้ใดไม่มีที่ ต้องไปทำบุญที่อื่นที่มันไกล โยมก็ลองแวะมาที่วัดป่าเจริญราชดูบ้าง มาประพฤติปฏิบัติ หรือมาฟังธรรม หรือมาเยี่ยมชม บรรยากาศที่วัดป่าเจริญราชบ้าง ก็จะเป็นโอกาสที่ดี ช่วงนี้ถึงแม้จะมีการก่อสร้างอยู่ จะมีเสียงรบกวนบ้างก็ตาม แต่ก็มีบางแห่งบางที่ ยังมีมุมสงบเช่นเดียวกัน

 

6.ภาพแกะสลักตกแต่งภายในโรงอุโบสถ

7.ขอเชิญสาธุชน ร่วมบุญช่วยกันสร้างโรงอุโบสถ

ฉะนั้นจึงขอประกาศให้ญาติโยมสาธุชนทั้งหลาย ได้ทราบโดยทั่วกัน เชิญมาร่วมกันช่วยสร้างชาติ สร้างศาสนา สร้างศาสนสถานสมบัติอีกครั้งหนึ่ง อีกที่หนึ่ง และขอให้โยมทั้งหลายที่ได้ฟัง ได้ยินอยู่นี้ ที่ช่วยเหลือเกื้อกูลกันมานานด้วยการร่วมสร้างวัด และผู้ที่คิดกำลังจะสร้าง ผู้ที่คิดจะอุปฐาก อุปถัมภ์วัดวาศาสนาอยู่ ก็ขอให้โยมนั้น มีพละกำลังแข็งแรง ด้วยอายุ วรรณะ สุขะ พละ ปฏิภาณ ธนสารสมบัติ มีดวงตาเห็นธรรม มีร่างกายแข็งแรง ได้บำรุงบำเรอพระพุทธศาสนา สืบต่อไปชั่วลูกชั่วหลาน สิ้นกาลนานเทอญ ขอเจริญพร

 

 

โทรศัพท์ 0-2995-2112 แฟ็กซ์ 0-2995-2477 
หรือสอบถามโดยตรงได้ที่ 
อาจารย์ดรุณี พัวพันธ์สกุล (แม่น้อง) โทร.085 666 4898 

หรือ Inbox สอบถามได้ที่ facebook:ศิษย์วัดป่าเจริญราช